บทที่ 1 การเพิ่มผลผลิต
ความหมายของการเพิ่มผลผลิต (Productivity) การเพิ่มผลผลิต หมายถึง กระบวนการในการปฏิบัติงานเพื่อให้ได้สินค้า บริการ หรืองานที่มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ด้วยวิธีการในการลดต้นทุน ลดการสูญเสีย ทุกรูปแบบ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม การพัฒนาศักยภาพของ ผู้ปฏิบัิติงานในองค์กร และการใช้เทคนิคการทำงานต่าง ๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ความจำเป็นในการเพิ่มผลผลิต ในสภาพสังคม และเศรษฐกิจของไทยปัจจุบันเป็นสภาพที่อยู่ในภาวะวิกฤติทั้งในด้านทรัพยากร
ที่ลดลงอย่างมากจนขาดความสมดุล จากนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาที่มุ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น ประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ทำให้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยเป็นอย่างมาก ทั้งปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อมที่เกิดจากผู้ผลิตที่ขาดจรรยาบรรณ ผลผลิตด้อยคุณภาพไม่เป็นที่พอใจของผู้บริโภค ซึ่งถ้้า ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายอันใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของประเทศ และ มูลเหตุสำคัญที่มีความจำเป็นจะต้องนำการเพิ่มผลผลิตมาแก้ปัญหา และสร้างคุณภาพของผลผลิต มีดังนี้
1. ทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด การเพิ่มผลผลิตจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิด ประโยชน์สูงสุด
2. การเพิ่มผลผลิตเป็นเครื่องมือช่วยวางแผนทั้งในปัจจุบัน และอนาคต เช่น การกำหนดสัดส่วนของการผลิตที่เหมาะสมกับความต้องการ ของลูกค้า เพื่อไม่ให้มีส่วนเกินซึ่งถือเป็นความสูญเปล่าของทรัพยากร
3. การแข่งขันสูงขึ้น หน่วยงาน บริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ จะอยู่รอด และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในประเทศและ่ต่างประเทศได้ จะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และการเพิ่มผลผลิตก็เป็นแนวทางในการปรับปรุงคุณภาพ และทำให้เกิดการลดต้นทุนสามารถ สู้กับคู่แข่งได้ จะเห็นได้ว่า การเพิ่มผลผลิตเป็นจิตสำนึก หรือเจตคติที่จะแสวงหาทางปรับปรุง และสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ด้วยความ เชื่อมั่นว่าเราสามารถทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานนี้ และสามารถทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้ การเพิ่มผลผลิตจึงเป็นความเพียรพยายามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ที่จะปรับปรุงงาน หรือกิจกรรมที่ทำให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยการใช้เทคนิควิธีการใหม่ ๆ
ปัจจัยการเพิ่มผลผลิต
ปัจจัยการเพิ่มผลผลิตระดับชาติ
ปัจจัยการเพิ่มผลผลิตในระดับชาติ มีดังนี้
1. นโยบายของรัฐบาล นโยบายของรัฐเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อการเพิ่มผลผลิตและครอบคลุมถึงเป้าหมายของรัฐบาลในการเร่งรัด การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และความมั่นคง ความเป็นธรรมในการจ้างงาน การปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนในชาติโดยจะต้องมีนโยบาย
ที่ส่งเสริมและดำเินินการอย่างต่อเนื่องในเรื่องต่อไปนี้
1.1 การวางแผนด้านสาธารณูปโภค
1.2 ฐานภาษี
1.3 ความคงที่ในเรื่องราคา
1.4 การส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อม
1.5 การทดแทนการนำเข้า
1.6 การแข่งขันในเชิงธุรกิจ
1.7 ความเป็นธรรมในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
1.8 การวางแผนความต้องการภายในประเทศ
1.9 นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม
2. ทรัพยากรที่ใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทรัพยากรต่าง ๆ ที่นำมาใช้ประโยชน์นั้นล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มผลผลิตทั้งสิ้นดังนั้นประเทศที่มีความพร้อมด้านทรัพยากรจะมีความได้เปรียบในการเพิ่มผลผลิต ซึ่งทรัพยากรดังกล่าว แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
2.1 ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจได้แก่ ทรัพยากรป่าไม้ น้ำมัน และแร่ธาตุต่าง ๆ เป็นต้น
2.2 ทรัพยากรบุคคล ประชากรในชาตินับเป็นกำลังสำคัญในการเพิ่มผลผลิต และสิ่งที่เป็นตัวกำหนด หรือเกี่ยวข้องกับศักยภาพ
ของทรัพยากรบุคคล ได้แก่1) ขนาดของประชากร
2) การรู้หนังสือของคนในชาติ
3) ระดับการศึกษาของคนในชาติ
4) อัตราการว่างงาน
5) อันตราการเติมโตของประชากร
6) สุขภาพ อนามัยของคนในชาติ
7) ความรู้ ความสามารถทางด้านวิทยาศาตร์ และเทคโนโลยีของคนในชาติ
8) การจัดองค์กร การบริหาร ต่างๆ
3. ค่านิยมทางสังคมและวัฒนธรรมของคนในชาติ ค่านิยมทางสังคมและวัฒนธรรมนั้นจะรวมถึงจริยธรรมในการทำงาน และทัศนคติของบุคคล เช่น ค่านิยมส่วนบุคคล และทัศนคติของคนในสังคมซึ่งค่านิยมของสังคมมีผลต่อการเพิ่มผลผลิตทั้งสิ้นทัศนคติที่เกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตนั้น ส่วนมากแล้วผู้ผลิต โรงงาน หรือบริษัทใหญ่ ๆ มักจะมีปัญหาจากทัศนคติในการทำงานด้านการผลิตเป็นอย่างมาก ซึ่งอาจสรุปได้ ดังนี้
" ไม่เป็นไร " คำว่า ไม่เป็นไรนี้ ถ้าใช้กับสภาวะการอื่นอาจจะี่ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตซึ่งมีการใช้
เครื่องมือ เครื่องจักรในการทำงานและมีเครื่องป้องกันอันตราย เช่น งานเชื่อม แม้แต่งานชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานอาจเห็นว่าไ่ม่จำเป็นจะต้องใส่เครื่องป้องกัน ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นตาบอดได้ถ้ามีชิ้นส่วนเศษเหล็กจากการเชื่อมกระเด็นเข้าตา ดังนั้น จึงต้องมีกฎเกณฑ์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยไว้ก่อน โดยอาจเป็นกฎเกณฑ์ในการปฏิบัติงานที่ปฏิบัติให้ถูกต้องอยู่เสมอ
" เอาไว้ก่อน " คำว่าเอาไว้ก่อนเป็นคำพูดในลักษณะผัดผ่อน บางกรณีเป็นความจำเป็นเร่งด่วนต้องรีบเร่งจัดทำ ไม่ควรใช้คำว่าเอาไว้ก่อน เช่นในกรณีที่เครื่องจักรชำรุด ผู้ควบคุมเครื่องจักรยังไม่รับแก้ไขโดยทันที และบอกว่าเอาไว้ก่อนนั้นอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากเมื่อเครื่องจักรหยุดทำงานโดยกระทันหันทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทันตามความต้องการของลูกค้า ไม่สามารถส่งสินค้าได้ตามกำหนด
" เกรงใจ " คำว่าเกรงใจเป็นคำพูดที่จะนำมาซึ่งความยุ่งยากได้ ความเกรงใจเป็นสิ่งที่ดี แต่การเกรงใจนั้นจะต้องใช้ให้ถูกโอกาสด้วยเช่น ผู้จัดการฝ่ายตรวจสอบบัญชีพบข้อบกพร่องต่าง ๆ จึงโทรศัพท์ไปตามหัวหน้าสต็อกมาพบ หนักงานรับโทรศัพท์รับโทรศัพท์แล้วยังไม่ได้บอกหัวหน้าสต็อกโดยทันทีเพราะเกรงใจไม่กล้าบอกโดยเห็นว่ากำลังคุยโทรศัพท์เรื่องส่วนตัวอยู่ จนเวลาล่วงเลยไปทำให้การตรวจสอบบัญชีทำต่อไปไม่ได้ จนพนักงานฝ่ายบัญชีต้องโทรกลับมาอีกครั้งก็ได้รับคำตอบจากพนักงานรับโทรศัพท์ว่ายังไม่ได้บอกหัวหน้าสต็อกเพราะว่่า "เกรงใจ"กรณีอย่างนี้ถือว่าเป็นการเกรงใจที่ไม่ถูกเวลาทำให้เกิดความล่าช้าในการทำงาน" แค่นี้ก็ดีแล้ว " คำว่า แค่นี้ก็ดีแล้วเป็นคำพูดที่ไม่ได้ใ่ส่ใจในกิจกรรมการทำงานเท่าที่ควร ในการผลิตไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ สินค้า
หรือบริการเราย่อมต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของลูกค้าและส่งมอบได้ตามกำหนดเวลา ถ้าฝ่ายผลิตผลิตสินค้าที่มีคุณภาพออกมาแล้ว ฝ่ายจัดส่งไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้ทันเวลา ทำให้สินค้าหมดอายุ เื่มื่อมีการตรวจสอบว่าสาเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร ฝ่ายจัดส่งก็บอกว่าฝ่ายจัดส่งทำแค่นี้ก็ดีแล้ว เป็นความผิดของลูกค้าเองที่ไม่มารับของตามเวลาที่กำหนด กรณีนี้ถือว่าพนักงานฝ่ายจัดส่งสินค้ายังปฏิบัติงานไม่เต็มประสิทธิภาพทำให้องค์กรขาดความเชื่อถือจากลูกค้า เพราะคำว่า " แค่นี้ก็ดีแล้ว "
ปัจจัยการเพิ่มผลผลิตระดับหน่วยงานหรือองค์กร
การเพิ่มผลผลิตในระดับหน่วยงานจะเกิดขึ้นได้จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานในองค์กร โดยเฉพาะฝ่ายบริหารจะต้องมีการกระตุ้น จูงใจพนักงานให้่ร่วมมือร่วมใจกัน รวมทั้งการนำเทคนิควิธีการใหม่ ๆ การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับปัจจัยที่มีอยู่ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มผลผลิตในองค์กร มีดังนี้
1. การสนับสนุนจากฝ่ายบริหารระดับสูง
2. บรรยากาศ และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เอื้อต่อการเพิ่มผลผลิต
3. ความร่วมมือร่วมใจของทุกคนในองค์กร
4. การปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตที่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
5. ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับฝ่ายบริหาร
6. การวัด การตรวจสอบ และการประเมินผล
7. การแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการเพิ่มผลผลิตอย่างทั่วถึง และมีความยุติธรรม
เครดิต : คุณประเทือง จุลวาทิน.http://www.uttvc.ac.th.
ความหมายของการเพิ่มผลผลิต (Productivity) การเพิ่มผลผลิต หมายถึง กระบวนการในการปฏิบัติงานเพื่อให้ได้สินค้า บริการ หรืองานที่มีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ด้วยวิธีการในการลดต้นทุน ลดการสูญเสีย ทุกรูปแบบ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม การพัฒนาศักยภาพของ ผู้ปฏิบัิติงานในองค์กร และการใช้เทคนิคการทำงานต่าง ๆ เข้ามาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ความจำเป็นในการเพิ่มผลผลิต ในสภาพสังคม และเศรษฐกิจของไทยปัจจุบันเป็นสภาพที่อยู่ในภาวะวิกฤติทั้งในด้านทรัพยากร
ที่ลดลงอย่างมากจนขาดความสมดุล จากนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาที่มุ่งส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น ประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ทำให้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยเป็นอย่างมาก ทั้งปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อมที่เกิดจากผู้ผลิตที่ขาดจรรยาบรรณ ผลผลิตด้อยคุณภาพไม่เป็นที่พอใจของผู้บริโภค ซึ่งถ้้า ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายอันใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของประเทศ และ มูลเหตุสำคัญที่มีความจำเป็นจะต้องนำการเพิ่มผลผลิตมาแก้ปัญหา และสร้างคุณภาพของผลผลิต มีดังนี้
1. ทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด การเพิ่มผลผลิตจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิด ประโยชน์สูงสุด
2. การเพิ่มผลผลิตเป็นเครื่องมือช่วยวางแผนทั้งในปัจจุบัน และอนาคต เช่น การกำหนดสัดส่วนของการผลิตที่เหมาะสมกับความต้องการ ของลูกค้า เพื่อไม่ให้มีส่วนเกินซึ่งถือเป็นความสูญเปล่าของทรัพยากร
3. การแข่งขันสูงขึ้น หน่วยงาน บริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ จะอยู่รอด และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งทั้งในประเทศและ่ต่างประเทศได้ จะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และการเพิ่มผลผลิตก็เป็นแนวทางในการปรับปรุงคุณภาพ และทำให้เกิดการลดต้นทุนสามารถ สู้กับคู่แข่งได้ จะเห็นได้ว่า การเพิ่มผลผลิตเป็นจิตสำนึก หรือเจตคติที่จะแสวงหาทางปรับปรุง และสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ด้วยความ เชื่อมั่นว่าเราสามารถทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานนี้ และสามารถทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่าวันนี้ การเพิ่มผลผลิตจึงเป็นความเพียรพยายามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ที่จะปรับปรุงงาน หรือกิจกรรมที่ทำให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วยการใช้เทคนิควิธีการใหม่ ๆ
ปัจจัยการเพิ่มผลผลิต
ปัจจัยการเพิ่มผลผลิตระดับชาติ
ปัจจัยการเพิ่มผลผลิตในระดับชาติ มีดังนี้
1. นโยบายของรัฐบาล นโยบายของรัฐเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่อการเพิ่มผลผลิตและครอบคลุมถึงเป้าหมายของรัฐบาลในการเร่งรัด การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และความมั่นคง ความเป็นธรรมในการจ้างงาน การปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนในชาติโดยจะต้องมีนโยบาย
ที่ส่งเสริมและดำเินินการอย่างต่อเนื่องในเรื่องต่อไปนี้
1.1 การวางแผนด้านสาธารณูปโภค
1.2 ฐานภาษี
1.3 ความคงที่ในเรื่องราคา
1.4 การส่งเสริมอุตสาหกรรมขนาดย่อม
1.5 การทดแทนการนำเข้า
1.6 การแข่งขันในเชิงธุรกิจ
1.7 ความเป็นธรรมในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
1.8 การวางแผนความต้องการภายในประเทศ
1.9 นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม
2. ทรัพยากรที่ใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทรัพยากรต่าง ๆ ที่นำมาใช้ประโยชน์นั้นล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มผลผลิตทั้งสิ้นดังนั้นประเทศที่มีความพร้อมด้านทรัพยากรจะมีความได้เปรียบในการเพิ่มผลผลิต ซึ่งทรัพยากรดังกล่าว แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
2.1 ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจได้แก่ ทรัพยากรป่าไม้ น้ำมัน และแร่ธาตุต่าง ๆ เป็นต้น
2.2 ทรัพยากรบุคคล ประชากรในชาตินับเป็นกำลังสำคัญในการเพิ่มผลผลิต และสิ่งที่เป็นตัวกำหนด หรือเกี่ยวข้องกับศักยภาพ
ของทรัพยากรบุคคล ได้แก่1) ขนาดของประชากร
2) การรู้หนังสือของคนในชาติ
3) ระดับการศึกษาของคนในชาติ
4) อัตราการว่างงาน
5) อันตราการเติมโตของประชากร
6) สุขภาพ อนามัยของคนในชาติ
7) ความรู้ ความสามารถทางด้านวิทยาศาตร์ และเทคโนโลยีของคนในชาติ
8) การจัดองค์กร การบริหาร ต่างๆ
3. ค่านิยมทางสังคมและวัฒนธรรมของคนในชาติ ค่านิยมทางสังคมและวัฒนธรรมนั้นจะรวมถึงจริยธรรมในการทำงาน และทัศนคติของบุคคล เช่น ค่านิยมส่วนบุคคล และทัศนคติของคนในสังคมซึ่งค่านิยมของสังคมมีผลต่อการเพิ่มผลผลิตทั้งสิ้นทัศนคติที่เกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตนั้น ส่วนมากแล้วผู้ผลิต โรงงาน หรือบริษัทใหญ่ ๆ มักจะมีปัญหาจากทัศนคติในการทำงานด้านการผลิตเป็นอย่างมาก ซึ่งอาจสรุปได้ ดังนี้
" ไม่เป็นไร " คำว่า ไม่เป็นไรนี้ ถ้าใช้กับสภาวะการอื่นอาจจะี่ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตซึ่งมีการใช้
เครื่องมือ เครื่องจักรในการทำงานและมีเครื่องป้องกันอันตราย เช่น งานเชื่อม แม้แต่งานชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานอาจเห็นว่าไ่ม่จำเป็นจะต้องใส่เครื่องป้องกัน ก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นตาบอดได้ถ้ามีชิ้นส่วนเศษเหล็กจากการเชื่อมกระเด็นเข้าตา ดังนั้น จึงต้องมีกฎเกณฑ์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยไว้ก่อน โดยอาจเป็นกฎเกณฑ์ในการปฏิบัติงานที่ปฏิบัติให้ถูกต้องอยู่เสมอ
" เอาไว้ก่อน " คำว่าเอาไว้ก่อนเป็นคำพูดในลักษณะผัดผ่อน บางกรณีเป็นความจำเป็นเร่งด่วนต้องรีบเร่งจัดทำ ไม่ควรใช้คำว่าเอาไว้ก่อน เช่นในกรณีที่เครื่องจักรชำรุด ผู้ควบคุมเครื่องจักรยังไม่รับแก้ไขโดยทันที และบอกว่าเอาไว้ก่อนนั้นอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากเมื่อเครื่องจักรหยุดทำงานโดยกระทันหันทำให้ไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทันตามความต้องการของลูกค้า ไม่สามารถส่งสินค้าได้ตามกำหนด
" เกรงใจ " คำว่าเกรงใจเป็นคำพูดที่จะนำมาซึ่งความยุ่งยากได้ ความเกรงใจเป็นสิ่งที่ดี แต่การเกรงใจนั้นจะต้องใช้ให้ถูกโอกาสด้วยเช่น ผู้จัดการฝ่ายตรวจสอบบัญชีพบข้อบกพร่องต่าง ๆ จึงโทรศัพท์ไปตามหัวหน้าสต็อกมาพบ หนักงานรับโทรศัพท์รับโทรศัพท์แล้วยังไม่ได้บอกหัวหน้าสต็อกโดยทันทีเพราะเกรงใจไม่กล้าบอกโดยเห็นว่ากำลังคุยโทรศัพท์เรื่องส่วนตัวอยู่ จนเวลาล่วงเลยไปทำให้การตรวจสอบบัญชีทำต่อไปไม่ได้ จนพนักงานฝ่ายบัญชีต้องโทรกลับมาอีกครั้งก็ได้รับคำตอบจากพนักงานรับโทรศัพท์ว่ายังไม่ได้บอกหัวหน้าสต็อกเพราะว่่า "เกรงใจ"กรณีอย่างนี้ถือว่าเป็นการเกรงใจที่ไม่ถูกเวลาทำให้เกิดความล่าช้าในการทำงาน" แค่นี้ก็ดีแล้ว " คำว่า แค่นี้ก็ดีแล้วเป็นคำพูดที่ไม่ได้ใ่ส่ใจในกิจกรรมการทำงานเท่าที่ควร ในการผลิตไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ สินค้า
หรือบริการเราย่อมต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ตรงตามความต้องการของลูกค้าและส่งมอบได้ตามกำหนดเวลา ถ้าฝ่ายผลิตผลิตสินค้าที่มีคุณภาพออกมาแล้ว ฝ่ายจัดส่งไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้ทันเวลา ทำให้สินค้าหมดอายุ เื่มื่อมีการตรวจสอบว่าสาเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร ฝ่ายจัดส่งก็บอกว่าฝ่ายจัดส่งทำแค่นี้ก็ดีแล้ว เป็นความผิดของลูกค้าเองที่ไม่มารับของตามเวลาที่กำหนด กรณีนี้ถือว่าพนักงานฝ่ายจัดส่งสินค้ายังปฏิบัติงานไม่เต็มประสิทธิภาพทำให้องค์กรขาดความเชื่อถือจากลูกค้า เพราะคำว่า " แค่นี้ก็ดีแล้ว "
ปัจจัยการเพิ่มผลผลิตระดับหน่วยงานหรือองค์กร
การเพิ่มผลผลิตในระดับหน่วยงานจะเกิดขึ้นได้จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายที่ปฏิบัติงานในองค์กร โดยเฉพาะฝ่ายบริหารจะต้องมีการกระตุ้น จูงใจพนักงานให้่ร่วมมือร่วมใจกัน รวมทั้งการนำเทคนิควิธีการใหม่ ๆ การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับปัจจัยที่มีอยู่ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเพิ่มผลผลิตในองค์กร มีดังนี้
1. การสนับสนุนจากฝ่ายบริหารระดับสูง
2. บรรยากาศ และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เอื้อต่อการเพิ่มผลผลิต
3. ความร่วมมือร่วมใจของทุกคนในองค์กร
4. การปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตที่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
5. ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับฝ่ายบริหาร
6. การวัด การตรวจสอบ และการประเมินผล
7. การแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการเพิ่มผลผลิตอย่างทั่วถึง และมีความยุติธรรม
เครดิต : คุณประเทือง จุลวาทิน.http://www.uttvc.ac.th.